นิยามและมุมมองของ Holistic Wellness and Beauty
Holistic Wellness and Beauty เป็นปรัชญาที่มองว่าการดูแลสุขภาพและความงามต้องครอบคลุมทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ และไม่ใช่แค่เรื่องภายนอก แต่เป็นการเสริมสร้างสุขภาพจากภายในสู่ภายนอกอย่างแท้จริง แนวทางนี้จึงเป็นมากกว่าแฟชั่นหรือความนิยมชั่วคราว แต่เป็นวิถีชีวิต (lifestyle) ที่ตอบโจทย์สังคมในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับสุขภาพที่แท้จริงและยั่งยืน ซึ่งแตกต่างจากการดูแลสุขภาพและความงามตามปกติทั่วไป (รูปที่ 1 และ รูปที่ 2)
รูปที่ 1 ความแตกต่างระหว่า Holistic Wellness และ Conventional Wellness (made with Napkin)
รูปที่ 2 นิยามและมุมมองของ Holistic Wellness and Beauty (made with Napkin)
Holistic Wellness and Beauty คือ แนวทางการดูแลสุขภาพและความงามที่เน้นการเชื่อมโยงทั้งร่างกาย จิตใจ และอารมณ์เข้าด้วยกัน เพื่อให้สุขภาพดีและความงามที่ยั่งยืน เกิดจากความสมดุลภายในและภายนอก โดยไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะการดูแลภายนอกเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการใช้สารสกัดธรรมชาติที่ปลอดภัยในการบำรุงผิว การเลือกบริโภคอาหารที่มีคุณค่าโภชนาการสูงเพื่อส่งเสริมสุขภาพร่างกายและผิวพรรณ และการบำบัดร่างกายด้วยวิธีธรรมชาติ เช่น การนวดบำบัดที่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เพิ่มการไหลเวียนโลหิต และลดความเครียด แนวทางนี้ส่งเสริมให้แต่ละบุคคลสามารถดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืน เพื่อให้มีชีวิตที่สุขภาพดีและมีความสุขอย่างแท้จริงด้วยวิธีธรรมชาติ ไม่พึ่งสารเคมีที่เป็นอันตราย และปรับให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะบุคคล เพราะแต่ละคนมีความแตกต่างทั้งทางร่างกายและอารมณ์
ความสำคัญของ Holistic Wellness and Beauty คือการที่เราไม่ได้มองแค่รูปลักษณ์ภายนอก แต่ให้ความสำคัญกับการดูแลจากภายในสู่ภายนอกอย่างแท้จริง ซึ่งช่วยให้สุขภาพดีอย่างยั่งยืนและมีความงามที่ดูเป็นธรรมชาติ โดยประโยชน์ที่ได้รับจากแนวทางนี้ ได้แก่ การมีร่างกายที่แข็งแรง ลดการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน หรือภาวะซึมเศร้า มีสภาพจิตใจที่แจ่มใส ลดความเครียดและเพิ่มพลังงานในการใช้ชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีขึ้น ส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกมิติ ทั้งในเรื่องการทำงานและความสัมพันธ์ส่วนตัว ทำให้รู้สึกมีความสุขและพึงพอใจกับชีวิตมากขึ้น (รูปที่ 3)
รูปที่ 3 แนวทางการดูแลสุขภาพและความงามด้วย Holistic Wellness and Beauty (made with Napkin)
หลักการสำคัญของ Holistic Wellness and Beauty (รูปที่ 4)
- การบูรณาการ (Integration): มองว่าสุขภาพร่างกาย ความชัดเจนทางจิตใจ และเสถียรภาพทางอารมณ์เชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด
- ความเป็นธรรมชาติ (Natural Approaches): เน้นใช้ผลิตภัณฑ์และวิธีบำบัดที่มาจากธรรมชาติ เช่น สมุนไพร น้ำมันหอมระเหย การนวด หรือการบำรุงด้วยสารสกัดออร์แกนิก
- การปรับให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล (Personalization): เลือกใช้แนวทางการดูแลสุขภาพและความงามที่เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคล
- การป้องกันก่อนเกิดปัญหา (Prevention): ไม่รอให้เกิดโรคหรือปัญหาความงามแล้วจึงรักษา แต่เน้นการดูแลเชิงป้องกันและเสริมภูมิคุ้มกันทั้งร่างกายและจิตใจ
รูปที่ 4 หลักการสำคัญของ Holistic Wellness and Beauty (made with Napkin)
ประโยชน์ที่ได้รับจาก Holistic Wellness and Beauty
การดูแลสุขภาพและความงามแบบองค์รวมได้รับการพิสูจน์จากหลากหลายงานวิจัยว่าช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และภาวะซึมเศร้า ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้มากในปัจจุบัน (World Health Organization, 2022) ตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ คือ งานวิจัยของโรงแรมสุขภาพระดับโลกอย่าง Chiva-Som International Health Resort ในหัวหิน ประเทศไทย ที่พบว่าผู้เข้ารับบริการแบบองค์รวมอย่างต่อเนื่อง เช่น การนวดบำบัด การปรับอาหาร และการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ สามารถลดระดับความเครียดได้มากกว่า 40% ภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ (Chiva-Som, 2021) รวมทั้งการฟื้นตัวของผู้ที่มีภาวะนอนไม่หลับและปัญหาผิวพรรณก็มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างชัดเจน สะท้อนให้เห็นว่าแนวทางองค์รวมสามารถส่งเสริมสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจอย่างยั่งยืน (รูปที่ 5) ดังนั้นเราสามารถสรุปถึงประโยชน์ที่ได้รับได้ ดังนี้
- สุขภาพโดยรวมดีขึ้น ทั้งร่างกายและจิตใจ
- ผิวพรรณสดใสเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งการแต่งเติมมาก
- ลดความเครียด เพิ่มสมาธิและความผ่อนคลาย
- เสริมสร้างความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตนเอง
- ส่งเสริมแนวทางที่ยั่งยืน ทั้งต่อตัวเองและต่อสิ่งแวดล้อม
รูปที่ 5 ประโยชน์ที่ได้รับจาก Holistic Wellness and Beauty (made with Napkin)
แนวโน้มธุรกิจ Holistic Wellness and Beauty ในอนาคต
ธุรกิจ Holistic Wellness and Beauty กำลังเติบโตทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคตะวันออกกลางที่มีการลงทุนสูงมากในด้านนี้ จากรายงานของ Global Wellness Institute (2023) ธุรกิจสุขภาพและความงามแบบองค์รวมทั่วโลกเติบโตเฉลี่ย 7-10% ต่อปี และคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 8-9 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ธุรกิจนี้ยังเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในโลก สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้นในการดูแลสุขภาพและความงามแบบองค์รวม ปัจจัยที่ผลักดันการเติบโตของธุรกิจ Holistic Wellness and Beauty แสดงดังรูปที่ 6
ตัวอย่างธุรกิจที่น่าสนใจ เช่น Clinique La Prairie จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้ขยายสาขา Wellness Clinic ไปยังดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ที่แสวงหาบริการด้านสุขภาพและความงามระดับพรีเมียมแบบองค์รวม อีกกรณีหนึ่งคือแบรนด์ COMO Shambhala ซึ่งเป็นรีสอร์ทและศูนย์สุขภาพแบบองค์รวมจากสิงคโปร์ที่ขยายกิจการไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรป โดยเน้นโปรแกรมด้านโภชนาการ การดีท็อกซ์ และทรีตเมนต์เฉพาะบุคคลอย่างเป็นระบบ
ในประเทศไทยเองยังมีแบรนด์อย่าง Panpuri Wellness ที่เติบโตอย่างรวดเร็วด้วยการนำแนวคิดสุขภาพองค์รวมแบบเอเชียมาประยุกต์ใช้ในการดูแลลูกค้าทั้งในด้านผิวพรรณ สุขภาพ และกลิ่นบำบัด ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงศักยภาพของธุรกิจที่ไม่เพียงแค่ขยายตัว แต่ยังมีแนวโน้มสูงในการดึงดูดนักศึกษาที่มีทักษะเฉพาะด้านเข้าสู่ตลาดแรงงานทั่วโลก
รูปที่ 5 ปัจจัยที่ผลักดันการเติบโตของธุรกิจ Holistic Wellness and Beauty (made with Napkin)
อาชีพหลังจบการศึกษาในหลักสูตร Integrated Wellness and Beauty
- นักบำบัดสปาและความงาม
- ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและความงามจากธรรมชาติ
- ที่ปรึกษาด้านโภชนาการและสุขภาพผิว
- ผู้จัดการศูนย์สุขภาพและความงาม
- เจ้าของธุรกิจสปาและคลินิกความงาม
ลักษณะของงานในธุรกิจนี้เน้นที่การให้บริการที่หลากหลาย ทั้งการดูแลผิวพรรณ การแนะนำโภชนาการที่เหมาะสม การบำบัดด้วยวิธีทางธรรมชาติ และการบริหารจัดการศูนย์สุขภาพ
รายได้จากอาชีพด้าน Holistic Wellness and Beauty
รายได้ของผู้ที่จบหลักสูตรนี้ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสายงานอื่น โดยรายได้เริ่มต้นในไทยประมาณ 18,000 – 30,000 บาทต่อเดือน ขณะที่ในต่างประเทศ เช่น อเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น รายได้เริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 50,000 – 80,000 บาทต่อเดือน (ประมาณ 1,500 – 2,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความสามารถเฉพาะตัว
รายได้ในระดับบริหารและการเป็นเจ้าของธุรกิจ
หากมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเพิ่มขึ้น การก้าวเข้าสู่ตำแหน่งบริหารสปาหรือเป็นเจ้าของธุรกิจจะสามารถเพิ่มรายได้อย่างมาก โดยผู้จัดการสปาในประเทศไทยมีรายได้ประมาณ 50,000 – 100,000 บาทต่อเดือน ขณะที่ในต่างประเทศอาจสูงถึง 150,000 – 300,000 บาทต่อเดือน (ประมาณ 4,500 – 9,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน) และหากเป็นเจ้าของธุรกิจ รายได้สามารถเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจ
บทสรุปและข้อคิด
หลักสูตรบูรณาการส่งเสริมสุขภาพและความงาม (Integrated Wellness and Beauty หรือ Wellness UTCC) คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นักศึกษายุคใหม่ที่สนใจการดูแลสุขภาพและความงามในแนวทางองค์รวม นักศึกษาจะได้เรียนรู้ศาสตร์ด้าน Holistic Wellness and Beauty จากผู้เชี่ยวชาญระดับโลก “ชีวาศรมอะคาเดมี่” ซึ่งเป็นสถาบันชั้นนำด้านการดูแลสุขภาพและความงามแบบองค์รวมที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ
หลักสูตรบูรณาการส่งเสริมสุขภาพและความงาม (Wellness UTCC) เปิดโอกาสให้นักศึกษาสามารถก้าวเข้าสู่อาชีพที่เติบโตอย่างรวดเร็ว มีความต้องการสูงในตลาดแรงงานทั้งในและต่างประเทศ ด้วยการเรียนรู้ที่ครอบคลุมทุกด้านที่เกี่ยวข้อง ทั้งด้านทฤษฎีและปฏิบัติ นักศึกษาสามารถมั่นใจได้ว่าพร้อมก้าวสู่อนาคตที่สดใสและมั่นคงในอุตสาหกรรมสุขภาพและความงามแบบองค์รวม
Link คลิปวีดีโอแนะนำหลักสูตร
https://youtu.be/jQS-oaLtbWc?si=5RpoKqc94Cqt_atO
https://www.facebook.com/share/v/16MnAtGJ28/
ผู้เขียน ผศ.ดร.เหมือนหมาย อภินทนาพงศ์ หลักสูตรบูรณาการส่งเสริมสุขภาพและความงาม คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
เอกสารอ้างอิง
Global Wellness Institute. (2023). Wellness Economy Statistics & Facts (Global Wellness Economy Monitor 2023). Retrieved from https://globalwellnessinstitute.org/press-room/statistics-and-facts/
Arab News. (2024). Wellness tourism – a rising force in Saudi Arabia’s Vision 2030. Retrieved from https://www.arabnews.com/node/2576753/business-economy
World Health Organization. (2022). Mental Health and Holistic Approaches. Retrieved from https://www.who.int/publications/i/item/9789240036703
